วันพุธ ที่ 25 เดือน มกราคม พ.ศ.2560 เวลา 08:30-12:30 น.
การเรียนการสอนของวันนี้
วันนี้มากันพร้อมเพียง เข้าห้องมาสิ่งแรกที่ต้องทำคือก็นำใบปั๊มมาปั๊มระหว่างเตรียมความพร้อมก่อนเรียนครูก็ได้พูดคุยกับนักศึกษาจนเตรียมสื่อการสอนเสร็จ ก็เริ่มเรียนหัวข้อที่เรียนในวันนี้ เรื่อง ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เนื้อหาการสอนต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว ครั้งนี้จะเกี่ยวกับการพูดและภาษา วันนี้มีภาพตัวอย่างของลักษณะของอาการต่างๆและคลิปวิดีโอมาให้ชมในชั้นเรียน หลังเรียนเสร็จก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับเวลาเรียนการทำบล็กครูจะไม่อยู่เนื่องจากติดภาระกิจในสัปดาห์ถัดไปจึงได้สั่งงานไว้คือให้ทำบล็อกให้ครบทั้งหมดที่เรียนมาแล้วมาลิงค์ในคาบในสัปดาห์ที่เข้าเรียน ส่วนเนื้อหาการสอนของวันนี้สามารถเลื่อนลงไปดูด้านล่างได้เลยค่ะ วันนี้เราได้เก็บภาพบรรยากาศการเรียนการสอนมาให้ชมกันด้วยค่ะ
วันนี้มากันพร้อมเพียง เข้าห้องมาสิ่งแรกที่ต้องทำคือก็นำใบปั๊มมาปั๊มระหว่างเตรียมความพร้อมก่อนเรียนครูก็ได้พูดคุยกับนักศึกษาจนเตรียมสื่อการสอนเสร็จ ก็เริ่มเรียนหัวข้อที่เรียนในวันนี้ เรื่อง ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เนื้อหาการสอนต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว ครั้งนี้จะเกี่ยวกับการพูดและภาษา วันนี้มีภาพตัวอย่างของลักษณะของอาการต่างๆและคลิปวิดีโอมาให้ชมในชั้นเรียน หลังเรียนเสร็จก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับเวลาเรียนการทำบล็กครูจะไม่อยู่เนื่องจากติดภาระกิจในสัปดาห์ถัดไปจึงได้สั่งงานไว้คือให้ทำบล็อกให้ครบทั้งหมดที่เรียนมาแล้วมาลิงค์ในคาบในสัปดาห์ที่เข้าเรียน ส่วนเนื้อหาการสอนของวันนี้สามารถเลื่อนลงไปดูด้านล่างได้เลยค่ะ วันนี้เราได้เก็บภาพบรรยากาศการเรียนการสอนมาให้ชมกันด้วยค่ะ
เนื้อหาการสอนเกี่ยวกับการพูดและภาษา
ภาพและคลิปวิดีโอทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
เนื้อหาการสอนของวันนี้
"เรื่อง ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ"
4. เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา (Children with Speech and Language Disorders)
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด
หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
1. ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง (Articulator Disorders)
- เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป "ความ" เป็น "คาม"
- ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน" กวาด ฟาด
- เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
- เสียงเพี้ยนหรือแปล่ง "แล้ว" เป็น "แล่ว"
2. ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders)
- พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
- การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
- อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
- จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
- เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย
3. ความบกพร่องของเสียงพูด (Voice Disorders)
- ความบกพร่องของระดับเสียง
- เสียงดังหรือค่อยเกินไป
- คุณภาพของเสียงไม่ดี
ความบกพร่องทางภาษา
หมายถึง การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมายของคำพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้
1. การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย (Delayed Language)
- มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
- มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
- ไม่สามารถสร้างประโยคได้
- มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
- ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน ๆ
2. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า Dysphasia หรือ aphasia
- อ่านไม่ออก (alexia)
- เขียนไม่ได้ (agraphia )
- สะกดคำไม่ได้
- ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
- จำคำหรือประโยคไม่ได้
- ไม่เข้าใจคำสั่ง
- พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้
Gerstmann’s syndrome
= ไม่รู้ชื่อนิ้ว (finger agnosia)
= ไม่รู้ซ้ายขวา (allochiria)
= คำนวณไม่ได้ (acalculia)
= เขียนไม่ได้ (agraphia)
= อ่านไม่ออก (alexia)
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
- ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบา ๆ และอ่อนแรง
- ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10 เดือน
- ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ
- หลัง 3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
- ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
- หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา
- มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
- ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
5. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ (Children with Physical and Health Impairments)
- เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
- อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
- เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง
- มีปัญหาทางระบบประสาท
- มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
โรคลมชัก (Epilepsy)
1.การชักในช่วงเวลาสั้น ๆ (Petit Mal)
2.การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)
3.อาการชักแบบ Partial Complex
4.อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)
5.ลมบ้าหมู (Grand Mal)
การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน ในกรณีเด็กมีอาการชัก
การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน ในกรณีเด็กมีอาการชัก
- จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็ง
- ไม่จับยึดตัวเด็กขณะชัก
- หาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
- ดูดน้ำลาย เสมหะ เศษอาหารออกจากปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
- จัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
- ห้ามนำวัตถุใดๆใส่ในปาก
- ทำการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ
ซี.พี. (Cerebral Palsy)
- การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
- การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของสมองแตกต่างกัน
1.กลุ่มแข็งเกร็ง (spastic)
- spastic hemiplegia อัมพาตครึ่งซีก
- spastic diplegia อัมพาตครึ่งท่อนบน
- spastic paraplegiaอัมพาตครึ่งท่อนบน
- spastic quadriplegia อัมพาตทั้งตัว
2.กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเอง(athetoid , ataxia)
- athetoid อาการขยุกขยิกช้า ๆ หรือเคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่ใบหน้าของ เด็กบางรายอาจมีคอเอียง ปากเบี้ยวร่วมด้วย
- ataxiaมีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
3. กลุ่มอาการแบบผสม (Mixed)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)
- เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ เสื่อมสลายตัว
- เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
- จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic)
ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก (Club Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
- ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection) เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง เศษกระดูกผุ
- กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
โปลิโอ (Poliomyelitis)
- มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา
- ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
โรคกระดูกอ่อน (Osteogenesis Imperfeta)
โรคศีรษะโต (Hydrocephalus)
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
โรคระบบทางเดินหายใจ
โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus)
โรคหัวใจ (Cardiac Conditions)
โรคมะเร็ง (Cancer)
เลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia)
แขนขาด้วนแต่กำเนิด (Limb Deficiency)
Lena Maria
Nick Vujicic
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
- มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
- ท่าเดินคล้ายกรรไกร
- เดินขากะเผลก หรืออึดอาดเชื่องช้า
- ไอเสียงแห้งบ่อย ๆ
- มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
- หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
- หกล้มบ่อย ๆ
- หิวและกระหายน้าอย่างเกินกว่าเหตุ
ความรู้ที่ได้รับและการนำไปประยุกต์ใช้
ได้ความรู้เกี่ยวกับเด็กพิเศษว่ามีกี่ประเภทมีลักษณะอย่างไรสาเหตุที่เกิดวิธีการดูแลรักษาซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากหากในอนาคตได้สอนเด็กๆเหล่านี้ก็ใช้วิธีการดูแลและการเข้าใจเด็กเป็นการเตรียมความพร้อมและสามารถนำไปใช้ได้จริงกับกลุ่มเด็กพิเศษเพื่อพัฒนาเด็กใหห้อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
การประเมินผล
ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียน ฟังครู ถ่ายรูปกิจกรรมลงบล็อก และจดบันทึก กระตือรือร้นให้ความร่วมมือทำกิจกรรม
ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆตั้งใจเรียน ให้ความสนใจและให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
ประเมินอาจารย์ : ครูผู้สอนมีการเตรียมความพร้อมทั้งเนื้อหาสาระการแต่งกายที่ถูกต้องเหมาะสม มีความเป็นกันเองไม่ลำเอียงครูน่ารักสามารถปรึกษาได้ทุกๆเรื่องค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น